รีวิว Soneva Fushi Maldives ที่สุดของวิลล่ากลางน้ำ รีสอร์ทในฝันที่มัลดีฟส์

ครั้งหนึ่งในชีวิต ได้มาพักผ่อนที่รีสอร์ทในฝันของคนทั่วโลก ที่นี่ Soneva Fushi Maldives (โซเนวา ฟูชิ มัลดีฟส์) นุ่นและพี่นุ่นได้ไปพักผ่อนที่นี่กัน 4 วัน 3 คืน ในช่วงเดือน ต.ค. 2565 และได้เก็บบรรยากาศมาฝากทุกคนแบบจัดเต็ม เริ่มตั้งแต่การเดินทางจากสนามบิน ขึ้นซีเพลน ไปจนถึงประสบการณ์ในรีสอร์ท ทั้งวิลล่าบนฝั่งริมหาด ห้องอาหาร กิจกรรม และไฮไลท์คือวิลล่ากลางน้ำ 2 ห้องนอนหลังใหม่ ที่เพิ่งสร้างและเปิดให้เข้าพักเมื่อไม่นานมานี้เอง

การเดินทาง

เราบินตรงจากกรุงเทพฯ 4.20 ชม. มาลงเมืองมาเล เมืองหลวงของประเทศมัลดีฟส์ สนามบิน Velana International Airport (MLE) จากนั้นก็เที่ยวได้เลย ง่ายมาก สะดวกมาก คนไทยเที่ยวมัลดีฟส์ได้แบบฟรีวีซ่า 30 วัน (ไม่ต้องขอวีซ่า)

หลังจากที่เรารับกระเป๋า และเดินออกมาด้านนอกแล้วจะพบกับเจ้าหน้าที่ของ Soneva ซึ่งจะพาเราไปเช็คอิน และรอขึ้น Seaplane ที่ Lounge ของ Soneva ซึ่งอยู่อีกอาคารหนึ่ง โดยเราจะนั่งรถ Tesla Model X คันงามคันนี้ไป บอกเลยว่าแค่เดินขึ้นรถ คนทั้งสนามบินก็หันมามองจ้า เพราะเจ้าประตูปีกนกของรถรุ่นนี้เด่นกว่าใครที่นี่เลย

นั่งรถจากสนามบินมาไม่ถึง 10 นาที ก็มาถึง Seaplane Terminal ซึ่ง Soneva มี Lounge ส่วนตัวให้แขกมานั่งรอ Seaplane กันแบบสบายๆ ซึ่งภายในก็มี Wi-Fi, snacks, drinks รวมถึงห้องอาบน้ำ และบริการนวดคอ บ่า ไหล่ คลายเมื่อยเบาๆ

สำหรับการเดินทางไปรีสอร์ทนั้นต้องขึ้น Seaplane ไปที่เกาะส่วนตัว Kunfunadhoo บริเวณ Baa Atoll ซึ่งเป็นบริเวณเขตสงวนชีวมณฑลของมัลดีฟส์ (UNESCO World Biosphere Reserve) หรืออีกหนึ่งทางเลือกคือบิน Domestic Flight จาก Male ไปลงที่สนามบิน Dharavandhoo Airport และจากนั้นนั่ง Speed Boat ต่อไปยังรีสอร์ท

ปกติแล้วทาง Soneva จะมีเครื่องบิน Seaplane เป็นของตัวเองด้วยนะคะ แต่ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่ maintenance เครื่องพอดี เราเลยได้นั่งของ Manta Air ซึ่งก็เป็นบริษัทซีเพลนที่มีชื่อเสียงที่มัลดีฟส์ และเครื่องด้านในดูกว้างกว่า และบินนิ่งกว่าของบริษัท TMA ที่เราเคยนั่ง และทาง Soneva ได้เตรียม earplug และน้ำดื่มไว้ให้บนเครื่องด้วยนะ ที่สำคัญคือ Seaplane ที่ไป Soneva นั้นจะตรงไปส่งเราที่รีสอร์ทเลย ไม่แวะที่รีสอร์ทอื่นๆ ใช้เวลาจากสนามบินประมาณ 30-40 นาที ก็ถึงท่าจอดบริเวณรีสอร์ท และต่อเรือ Speed Boat เข้าไปที่รีสอร์ทอีกประมาณไม่ถึง 5 นาที

เมื่อมาถึงแล้วเราจะเจอกับ butler (หรือที่ Soneva เรียกว่า Barefoot Guardian) ของเรามาแนะนำตัวและเสิร์ฟ welcome drink บนเรือ และจะดูแลเราตลอดการเข้าพัก ซึ่งทาง Soneva เค้ามี concept ที่ไม่เหมือนใครคือ No news, no shoes เพื่อให้ได้อยู่กับธรรมชาติ ทาง butler ก็จะเก็บรองเท้าของเราไว้ตั้งแต่มาถึง และจะให้ใส่อีกครั้งตอนกลับ

Soneva Time

อีกหนึ่งกิมมิกของทาง Soneva ที่เราไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อนเลย คือ เรื่อง time zone ที่เค้าจะปรับเวลาให้เร็วกว่าเวลาท้องถิ่น 1 ชั่วโมง เพื่อให้เราได้ตื่นเช้าขึ้น และนอนเร็วขึ้น เพื่อให้ได้ใช้เวลาในช่วงกลางวันได้มากขึ้น เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ได้มากขึ้น

หลังจากที่เราขึ้นมาบนเกาะ ก็จะสัมผัสได้เลยว่า เกาะนี้กว้าง ใหญ่ ต้นไม้เยอะและร่มรื่น มากๆ ไม่แปลกใจเลยว่านี่เป็นหนึ่งในเกาะที่ใหญ่ที่สุดของมัลดีฟส์เลยค่ะ พื้นที่กว้าง 400 เมตร และ ยาวกว่า 1,400 เมตร (หรือ 1.4 กม.) ทางรีสอร์ทเลยมีจักรยานไว้ให้แขกทุกท่าน ทุกวิลล่า และมีบริการรถบักกี้รับส่งระหว่างวิลล่าและบริเวณต่างๆ ของรีสอร์ท

และด้วยความที่เกาะใหญ่ขนาดนี้ ทำให้เรารู้สึกเป็นส่วนตัวมากๆ ระหว่างที่พักผ่อนริมหาด หรือบริเวณวิลล่า แทบไม่เจอแขกคนอื่นๆ เลยนะคะ (เว้นแต่เวลาไปทานข้าวที่ห้องอาหาร) วิลล่าแต่ละหลังก็มีระยะห่างที่มีความเป็นส่วนตัว เราสองคนชอบมากๆ ครั้งนี้เราได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ทั้งวิลล่าบนฝั่ง และวิลล่ากลางน้ำเลยค่ะ ตามมาดูพร้อมกันต่อได้เลย

2 Bedroom Water Retreat with Slide

มาเริ่มที่ไฮไลท์ที่หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยได้เห็นรีวิวจากที่ Soneva Fushi คือวิลล่ากลางน้ำ เพราะก่อนหน้านี้ที่นี่มีแค่วิลล่าบนฝั่ง เค้าเพิ่งจะสร้างเพิ่มทีหลังเมื่อไม่กี่ปีนี้เอง ซึ่งจะมีทั้งแบบวิลล่า 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว และสไลเดอร์ลงทะเล และที่เราจะพาไปดูคือวิลล่ากลางน้ำหลังที่แพงที่สุดของ Soneva Fushi ณ ตอนนี้เลยค่ะ 2 Bedroom Water Retreat with Slide 

วิลล่าหลังนี้กว้างขนาดไหน? ถ้าบอกตัวเลขเป๊ะๆ คือ 857 ตร.ม. ค่ะ คือพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันทุกอย่าง สระว่ายน้ำยาวขนาบไปกับทะเล เห็นวิวทะเลแบบเต็มๆ โดยไม่มีอะไรมาบัง แบบนี้เลย

ด้านในวิลล่าแบ่งเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องทำงาน ห้องนอน 2 ห้อง และในแต่ละห้องนอนก็มีห้องน้ำส่วนตัว พร้อมมุมเก๋ๆ ที่ไม่เหมือนกัน นุ่นชอบที่เค้าดีไซน์เน้นสีธรรมชาติของไม้สีอ่อน ทำให้ห้องดูสว่าง แต่ก็ยังสวยคลาสสิก เข้ากับธรรมชาติ

นอกจากด้านในวิลล่าจะดูดี บริเวณด้านนอกก็มีพื้นที่นั่งเล่นอีกเพียบ และด้านบนของวิลล่า มีที่ให้นั่งชิลล์ชมวิว แบบนี้อีกด้วยนะคะ

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือสไลเดอร์ส่วนตัว ที่สไลด์แล้วลงทะเลใสๆ ไม่เหมือนที่ไหน แบบนี้กันเลยจ้า มาถึงนี่แล้ว กล้าๆ กลัวๆ ไม่ได้นะ ยังไงก็ต้องลอง! เอาจริงนุ่นก็กลัวค่ะ แต่ก็พยายามฮึ้บ ลองเล่นครั้งนึง แล้วก็รู้เลยว่ามันส์มาก และไม่น่ากลัวเลย ตอนสไลด์ลงมาก็ไม่แรงมาก และระดับน้ำในทะเลตรงจุดที่สไลด์ลงไปก็ไม่ลึกมาก เราสูง 165 ซม. ลงไปแล้วก็ยืนถึงนะ

ราคาวิลล่า 2 Bedroom Water Retreat with Slide เริ่มที่ USD 7,250/คืน (ขึ้นอยู่กับช่วงที่เข้าพัก) สามารถเช็คและจองได้ที่ Soneva.com

Crusoe Suite with Pool

มาดูวิลล่าบนฝั่งของเราในครั้งนี้กันบ้างนะ นี่คือ Crusoe Suite with Pool เป็นหนึ่งในวิลล่าหนึ่งห้องนอนที่ใหญ่ที่สุดของ Soneva Fushi กว้างถึง 264 ตร.ม. พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว และเดินลงหาดจากวิลล่าได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว เริ่มต้นคืนละ USD 2,380 (แล้วแต่ช่วงที่เข้าพัก)

ตัววิลล่านี้ด้านในจะมี 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัว สระว่ายน้ำ และ อ่างอาบน้ำ ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องนอน ห้องน้ำ และระเบียงนั่งเล่น

โดยส่วนตัวเราว่า เตียงนอน หมอน ผ้าห่ม นุ่มสบาย กลิ่นหอมกำลังดี เราชอบมากๆ

วิวชายหาดและน้ำทะเลจากหน้าวิลล่าในวันที่แดดดี คือสวยมากๆ ทรายก็นุ่มเท้าเหมือนผงแป้งเลยล่ะ

Breakfast

ไลน์อาหารเช้าบุฟเฟ่ต์ที่ Soneva Fushi ก็ทำได้น่าทาน และวัตถุดิบพรีเมียมมาก แต่ละ station มีเมนูให้เลือกหลากหลาย หมุนเวียนกันไปในแต่ละวัน บางวันมีซาชิมิให้ทานด้วยนะ และเท่าที่สังเกตุช่วงที่เราไป จะเน้นอาหารเอเชีย เช่นติ่มซำ ก๋วยเตี๋ยว ซุปมิโสะ เมนูไข่ต่างๆ และผลไม้ที่มีกว่าสิบอย่าง รวมถึงเบเกอรี่และไอศกรีมหลายสิบรสชาติ! ที่น่าทานทั้งนั้นเลย

So Guilty

ห้องช็อคโกแลตของที่ Soneva ก็เป็นอีกอย่างที่จัดเต็มมาก! สาวกช็อคโกแลตต้องปลื้มมากแน่ๆ เพราะเค้าเตรียมไว้ให้เพียบ แบบเลือกไม่ถูก!

Out of the Blue

อีกหนึ่งมุมสุดฮ็อตที่พลาดไม่ได้ถ้ามาพักที่นี่คือ ห้องอาหารกลางน้ำอย่าง Out of the Blue ที่ตรงนี้ก็มีสไลเดอร์ลงไปในทะเลเหมือนกันนะ เผื่อว่าใครไม่ได้จองวิลล่ากลางน้ำแล้วอยากลองเล่นสไลเดอร์ลงทะเล ก็สามารถมาลองเล่นตรงนี้ได้ มีไลฟ์การ์ดคอยดูแลความปลอดภัยตรงนี้ด้วยค่ะ

มุมนั่งชิลล์ตรงนี้ก็มีเพียบ! จะเบาะ จะเปลตาข่าย หรือเตียงอาบแดด ก็เรียงรายกันแบบไม่ต้องกลัวที่เต็ม

นอกจากจะเป็นจุดที่มานั่งชิลล์ เล่นสไลเดอร์ และเล่นน้ำ ห้องอาหารนี้เปิดให้ทานอาหารเที่ยง และอาหารค่ำ ซึ่งมีทั้งเมนูอาหารไทยโดยเชฟคนไทย (อร่อยมาก!) อาหารเวียดนาม อาหารญี่ปุ่น นุ่นลองทานกันแล้วบอกเลยว่ารสชาติต้นตำรับแท้ๆ อร่อยมาก แนะนำเลยค่ะ

Out of the Sea

แต่ถ้าใครชอบอาหารทะเล อยากให้มาลองห้องอาหารนี้เลย Out of the Sea เป็นห้องอาหารกลางน้ำเช่นกัน แต่ตรงนี้เน้นอาหารทะเล สไตล์ Mediterranean และแบบ tapas นุ่นลองสั่งแบบเป็น lunch set menu มาทานกัน และถูกใจ seafood platter เป็นพิเศษ คือวัตถุดิบเค้าสดจริง กุ้งเนื้อกรอบ เด้ง หวาน ธรรมชาติ หอยเชลล์ก็อร่อย ไม่ต้องพึ่งน้ำจิ้มซีฟู้ดก็ฟิน

กิจกรรมในรีสอร์ท

มาถึงมัลดีฟส์ทั้งทีต้องไม่พลาดที่จะออกทริปไปดูโลมาในทะเลกันหน่อย ซึ่งที่นี่ก็ไม่ทำให้เราผิดหวังเลยค่ะ ได้เจอโลมาหลังจากออกเรือไม่ถึง 10 นาที และใกล้กับรีสอร์ทมาก บนเรือก็มีของว่างและเครื่องดื่มให้จิบชิลล์ๆ ระหว่างล่องเรือชมโลมาอีกด้วย

ใครสอบแนวแอดเวนเจอร์ ก็ต้องลองนี่เลยค่ะ zip-line ท่ามกลางป่าที่อยู่บนเกาะส่วนตัว! เค้าจะมี 4 ฐาน ซึ่งเล่นไม่อยาก และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัย ไปด้วยทุกฐาน ไม่ต้องกังวลเลย

ปล. ใครอยากเล่น zip-line อย่าลืมพกรองเท้าที่หุ้มเท้าทั้งหมดมาจากไทยด้วยน๊า (พวกรองเท้าผ้าใบ เพื่อความปลอดภัยของเราระหว่างเล่นนะคะ)

นอกจากนี้ที่ Soneva Fushi ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกด้วยนะ เช่น กิจกรรมดูหนังกลางแจ้ง (Cinema Paradiso), ส่องดูดาวด้วยกล้องระดับโปร (Stargazing) แต่น่าเสียดายที่ตอนนุ่นและพี่นุ่นไป ฝนตกช่วงเย็น เลยไม่ได้ทำกิจกรรมนี้เลยค่ะ ไว้โอกาสหน้าต้องกลับมาแก้ตัวแน่ๆ

สรุปความประทับใจ

ถึงนุ่นกับพี่นุ่นจะไปมัลดีฟส์กันหลายรอบแล้ว แต่นี่เป็นรีสอร์ทที่เราชอบที่สุด ณ ตอนนี้เลยล่ะค่ะ! ทั้งวิลล่าที่ดีไซน์สวยลงตัว เน้นธรรมชาติแต่สะดวกสบาย มีสไลเดอร์ลงทะเลที่ไม่เหมือนใคร อาหารก็อร่อยทุกห้องอาหาร เป็นอาหารในรีสอร์ทที่อร่อยที่สุดที่เคยไปมัลดีฟส์มาเลยล่ะค่ะ พนักงานที่นี่ทุกคนก็เอาใจใส่แขก และดูแลดี ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครได้มาสักครั้งแล้วก็ต้องติดใจอยากกลับมาซ้ำอีกทุกที

สำหรับใครที่สนใจ Soneva Fushi สามารถจองและดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Soneva.com

Facebook Comments