รีวิวนี้เราจะพามาแกะกล่องโรงแรมใหม่กิ๊ก ที่หลายคนน่าจะเพิ่งเคยได้ยินชื่อแบรนด์นี้ กับ The Standard, Hua Hin แบรนด์สุดเก๋จากอเมริกา ที่บอกเลยว่าที่หัวหินเป็นที่แรกในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ไฮไลท์เลยคือรีสอร์ทนี้คุมโทนสีเหลือง ขาว แบบชิคๆ รวมถึงดีไซน์ในห้องที่ดีต่อใจและไอจี นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารไทย คาเฟ่ บาร์ริมหาด ทีเด็ดคือที่นี่เป็นโรงแรมแบบ pet-friendly อนุญาตให้คุณและเพื่อนสี่ขาของคุณมาอยู่ด้วยกันได้ด้วยนะคะ บรรยากาศจะเป็นอย่างไรบ้าง มาชมกันค่ะ
สำหรับใครที่กำลังอยากจองไปเข้าพักที่ The Standard ในประเทศไทย นุ่นมีโค้ดส่วนลดพิเศษมาให้ด้วยนะคะ แค่จองผ่านเว็บไซต์ของโรงแรม และกรอกโค้ด BESTIE2022 ในช่อง Promo Code รับส่วนลดทันที 10% เมื่อเข้าพัก จะได้ free upgrade ไปยัง room type ที่สูงขึ้นด้วย (upon availability) พร้อมได้ coupon เครื่องดื่มมูลค่า 200 บาทและ VIP amenity อีกด้วย
จองได้ที่ website ของโรงแรม https://www.standardhotels.com/hua-hin/properties/hua-hin
อย่าลืมใส่ code: BESTIE2022จองได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2565
ระยะเวลาการเข้าพักตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2565
*ใช้กับโครงการเราเที่ยวด้วยกันได้ด้วย
สามารถใช้โค้ดนี้จองและเข้าพักในเครือ The Standard ในประเทศไทย ที่ตอนนี้เปิดแล้วที่ หัวหิน และกทม. กำลังจะเปิดเดือนพฤษภาคม 2565 นี้ รวมถึง The Peri Hotel ทั้ง 2 สาขา หัวหินและเขาใหญ่
The Standard
ใครยังไม่รู้จัก The Standard นุ่นขอแนะนำให้คร่าวๆ ก่อนค่ะ คือเค้าเป็นแบรนด์โรงแรมสัญชาติอเมริกัน ที่เน้นไลฟ์สไตล์ และมีการรวมเอากลิ่นอายของแฟชั่น ศิลปะ ดนตรี มารวมเข้ากับการพักผ่อน โดยโรงแรม The Standard จะเปิดทำการใน 2 จุดหมายปลายทางในเมืองไทย ได้แก่ หัวหิน และกรุงเทพมหาคร โดย The Standard, Hua Hin เป็นรีสอร์ตแห่งแรกที่เปิดให้บริการในวันที่ 1 ธันวาคม 2564 และ The Standard, Bangkok Mahanakhon คาดว่าจะเปิดทำการได้ภายในต้นปี 2565
The Standard Hua Hin
สำหรับ The Standard, Hua Hin เป็นรีสอร์ต 5 ดาว ติดทะเล ถูกถอดแบบมาจากหนึ่งโรงแรมสุดฮิปยอดนิยมของแบรนด์อย่าง The Standard, Miami โดยนำกลิ่นอายความเก๋แบบไมอามีมาปรับคู่กับกลิ่นอายโคโลเนียลของหัวหิน แน่นอนว่าความเก๋ของงานดีไซน์มาเต็ม ถูกใจสายถ่ายรูปแน่นอน อาหารไทยรสชาติดั้งเดิม คราฟต์ค็อกเทลสนุกๆ รวมถึงอีเวนต์เก๋ และบาร์บรรยากาศสุดชิลล์ริมทะเล
ตัวโรงแรมอยู่ในซอยหัวหิน 65 ห่างจากปากซอยนิดเดียวค่ะ จุดสังเกตคือหน้าปากซอยจะมีร้าน Chocolate Factory หาไม่ยากค่ะ
แค่มาจอดรถตรงลอบบี้ ก็จะสังเกตได้ถึงความชิคตั้งแต่โลโก้แบรนด์ที่ติดกลับหัวไว้ ตั้งใจให้แขกที่มาพักได้พบกับความเก๋และความสนุกตั้งแต่แรกเห็น จากโลโก้หน้าทางเข้าธรรมดาๆ ที่ปกติเราเห็นก็เดินผ่านไป แต่สำหรับที่นี่แขกที่เห็นแบบนี้ก็ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปกันแทบทุกราย
ก่อนจะถึงล้อบบี้จะเจอกับ Juice Cafe คาเฟ่เล็กๆ แต่น่ารัก ที่สามารถพาน้องหมามาได้ด้วยนะ
มาถึงบริเวณล้อบบี้ เป็นแบบ open-air ร่มรื่น บริเวณม้านั่งตรงกลางออกแบบคล้ายกับเป็นที่นั่งรอรถไฟที่สถานีรถไฟหัวหิน เป็นการนำมาผสมผสานกับดีไซน์ของโรงแรมได้ลงตัวดีค่ะ
สำหรับห้องพักที่นี่มีทั้งหมด 199 ยูนิต แบ่งเป็น ห้อง 178 ห้อง และ พูลวิลล่า 21 หลัง บอกก่อนเลยว่าห้องพักที่นี่ไม่ได้วิวทะเลนะคะ จะเป็นวิวสวนทั้งหมด ไฮไลท์ของการมาพักที่นี่จะไม่ใช่วิวทะเลจากในห้องแต่อย่างใด แต่คือดีไซน์สุดเก๋ สุดชิค ที่โดยส่วนตัวเราชอบมาก นอกจากจะพักผ่อนสบาย ยังถ่ายรูปสวยอีก ลืมเรื่องวิวทะเลจากห้องไปเลยล่ะค่ะ อยากเห็นวิวทะเลเหมือนไหร่ก็เดินไปตรงสระ บาร์ และริมหาด แป้บเดียวก็ถึงแล้ว เราโอเคเลย
ทางโรงแรมสร้างขึ้นใหม่ก็จริง แต่เค้าเก็บต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่ไว้ ทำให้ร่มรื่นดีมาก ระหว่างทางเดินไปห้องพัก จะได้ยินเสียงนกร้องเบาๆ ซึ่งทางโรงแรมตั้งใจเปิดเป็น background sound ไว้ตลอดทาง แยกไม่ออกเลยล่ะค่ะว่าไม่ใช่เสียงนกจริงๆ เข้ากับบรรยากาศต้นไม้น้อยใหญ่ดีมาก
Standard Pool Villa
ครั้งนี้นุ่นพักกันใน Standard Pool Villa แต่ละหลังจะมีขนาดประมาณ 99 – 106 ตร.ม. ดีไซน์ layout แตกต่างกันนิดหน่อย และเค้าจะวางวิลล่าไว้เป็นกลุ่มๆ คือถ้าใครมาเป็นครอบครัวใหญ่ หรือกลุ่มเพื่อน สามารถจองวิลล่าที่อยู่ใกล้กัน ใช้พื้นที่สนามหญ้าหน้าวิลล่าสังสรรค์กันได้ และปิดประตูกั้นโซนให้เป็นส่วนตัวมากขึ้นได้
วิลล่าของนุ่นได้เป็นวิลล่าหมายเลข 20 ค่ะ ตามไปดูด้านในกันเลย
ด้านในห้องน่ารักมากเลย เค้าใช้โทนสีได้ละมุน ถ้าให้พูดตรงๆ คือเห็นห้องแล้วให้ความรู้สึกว่าเป็นโรงแรม 5 ดาว ที่ดูดี ชิค เก๋ หรู ดูโมเดิร์น
ตรงอ่างอาบน้ำมีตกแต่งด้วยดิสโก้บอลสะท้อนแสงไฟระยิบระยับ และกระจกทรงกลม เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่เลย
สระว่ายน้ำมีระบบน้ำวนเบาๆ ลงเล่นได้ แช่ได้ชิลล์ๆ ว่ายเล่นก็พอได้น๊า เค้ามีห่วงยางสีชมพูนีออนไว้ให้เป็นพร้อบเล่นด้วย และสำหรับใครที่พักพูลวิลล่า สามารถพาน้องหมาหรือน้องแมวไปได้ด้วยนะคะ (มีค่าใช้จ่ายและข้อกำหนดเพิ่มเติม สอบถามกับทางโรงแรมได้เลย)
เตียง หมอน ผ้าห่ม นุ่มกำลังดี นอนสบายมากๆ เอาจริง…ไม่อยากพูดเยอะ อยากให้มาลองเองค่ะ ดีงามจริงจนอยากซื้อกกลับไปนอนที่บ้านเลย
Bayside Villa
พูลวิลล่าอีกแบบนึงที่นุ่นจะพาไปดูคือ Bayside Villa ซึ่งจะเป็นวิลล่าที่มีพื้นที่มากขึ้น อยู่ด้านหน้าสุด ใกล้กับสระว่ายน้ำส่วนกลาง และเห็นวิวทะเลหน่อยๆ
Swimming Pool
มาดูบริเวณสระว่ายน้ำกันบ้างนะคะ เป็นอีกมุมที่นุ่นชอบกันมากเลย สระที่นี่ อาจจะไม่ได้เห็นวิวทะเลแบบเต็มๆ เพราะมีต้นไม้ใหญ่ แต่เราชอบนะคะ เพราะนั่งชิลล์แล้วไม่ค่อยร้อน มีลมโกรกเรื่อยๆ เลย
sunbed สีเหลืองสดใส ถอดแบบมาจากโรงแรม เดอะสแตนดาร์ด ไมอามี่ นำเข้าส่งตรงมาแบบเดียวกันเลย ได้ฟีล American Summer สุดๆ
บอกเลยว่าใครมาที่นี่ ห้ามลืมพกชุดสีสันสดใส มาถ่ายรูปกับเบาะเหลืองนี้น๊า เก๋ไม่เหมือนใครในหัวหินเลยจ้า!
Mud Lounge
ที่ขาดไม่ได้เลยคือกิจกรรมต่างๆ อย่าง Mud Lounge ที่สปา ซึ่งเป็นการพอกโคลนสีสันตามธาตุทั้ง 4 นำเข้าจากประเทศแถบแคริบเบียน เราลองแล้วชอบมากเลยค่ะ ผิวนุ่มลื่นขึ้นเลยในครั้งแรก ติดใจอยากกลับไปทำบ่อยๆ เลย
และเค้ายังมี มวยไทย, Kitesurfing, พายแพดเดิลบอร์ด และโยคะ เรียกได้ว่าครบจริงๆ เข้ามาแล้วไม่ออกไปไหนเลยยังได้
บรรยากาศหน้าหาดช่วงเช้า จะเห็นวิวพระอาทิตย์ขึ้นค่ะ มีพระเดินบิณฑบาตรผ่านหน้าโรงแรมด้วย
Lido Restaurant
สำหรับห้องอาหาร นุ่นได้ลองทานทั้งสองที่เลยค่ะ เริ่มที่ Lido Restaurant เป็นห้องอาหารอิตาเลียน และเสิร์ฟบุฟเฟ่ต์อาหารเช้าที่นี่ด้วย บรรยากาศในห้องอาหารเน้นโทนสีไม้ธรรมชาติ ดูสว่าง สบายตา ตกแต่งแซมด้วยต้นไม้ และเบาะสีเขียว ส้ม ครีม ลายใบไม้ต่างๆ ดูสดใสได้อารมณ์แบบ tropical vibes อะไรประมาณนี้ มีให้เลือกนั่งทั้งโซนด้านในห้องแอร์และด้านนอก
สำหรับอาหารเช้าใช้วัตถุดิบคุณภาพดีเลยค่ะ แต่เมนูยังไม่มีให้เลือกมากนัก อาจจะเป็นเพราะเปิดใหม่อยู่ด้วยก็เป็นได้
ส่วนมื้อเที่ยง นุ่นก็ทานที่นี่เช่นกัน ลองสั่งมาสามสี่อย่าง อร่อยถูกปากเราสองคนมาก โดยเฉพาะสเต็กเนื้อวากิว เนื้อนุ่มละลายกำลังดี เสิร์ฟมากับผัดสดที่โรดซอสส้มยูสุมาด้วย หอมสดชื่อน ทานตัดเลี่ยนจากเนื้อเสต็กได้ดีเลย
Praca Restaurant
ส่วนมื้อเย็นเราทานกันที่ Praca Restaurant ห้องอาหารไทยผสมผสานสไตล์อิซากายะริมหาด นั่งชมวิวไปด้วย รับลมทะเลยามเย็นไปด้วยคือดี
ตอนนุ่นไปเค้ามีอาหารเสิร์ฟแบบคอร์ส 6 เมนู เป็นการนำเมนูอาหารไทย มาประยุกต์ให้เก๋ขึ้น และทานง่ายขึ้น เช่นเมี่ยงปกติที่จะมีแต่ผัก ทางเชฟก็ทำเป็นเมี่ยงปลาฟู และอื่นๆ เช่น ลาบทูน่าข้าวเหนียวพอง กะเพราทาโก้ แกงปูนิ่ม เรียกได้ว่าแปลกใหม่ แต่ยังคงรสชาติไทยแท้แบบดั้งเดิมไว้ อร่อยด้วย เก๋ด้วย ยกนิ้วให้เชฟและคนคิดคอนเซ็ปต์เลย!
ปิดท้ายด้วยบรรยากาศรีสอร์ท ที่บอกเลยว่าสายถ่ายรูปอย่างเราถูกใจมาก มีมุมน่ารักๆ ให้ถ่ายเล่นเพียบ โดยเฉพาะถ้ามาแล้วเจอแดดดี แสงและเงาสวยๆ จะยิ่งขึ้นกล้องขึ้นไปอีก! นอกจากจะได้พักผ่อนแล้ว ยังได้รูปแล้วความประทับใจกลับบ้านไปแน่นอน
สนใจจองได้ทางเว็บไซต์: www.standardhotels.com/hua-hin/properties/hua-hin
อย่าลืมใส่โค้ดส่วนลด BESTIE2022 ในช่อง Promo Code รับส่วนลดทันที 10% เมื่อเข้าพัก จะได้ free upgrade ไปยัง room type ที่สูงขึ้นด้วย (upon availability) พร้อมได้ coupon เครื่องดื่มมูลค่า 200 บาทและ VIP amenity อีกด้วย
จองได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 ตุลาคม 2565
ระยะเวลาการเข้าพักตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2565
*ใช้กับโครงการเราเที่ยวด้วยกันได้ด้วย
สามารถใช้โค้ดนี้จองและเข้าพักในเครือ The Standard ในประเทศไทย ที่ตอนนี้เปิดแล้วที่ หัวหิน และกทม. กำลังจะเปิดเดือนพฤษภาคม 2565 นี้ รวมถึง The Peri Hotel ทั้ง 2 สาขา หัวหินและเขาใหญ่
สอบถามเพิ่มเติมได้ทาง
Facebook page: facebook.com/thestandardhuahin
LINE: @thestandardhuahinโทร: 032 535 999