รีวิว The Standard, Maldives ที่พักมัลดีฟส์พูลวิลล่ากลางทะเล แบรนด์ดังสุดชิค

แชร์ประสบการณ์ เที่ยวมัลดีฟส์ แบบหรูหราครบสูตร ทั้งนั่ง seaplane นอนพูลวิลล่ากลางทะเล ในงบเอื้อมถึง สวยแบบนี้ ไม่มาได้ไง กับรีสอร์ทที่สีสันน่ารักสุดในมัลดีฟส์ที่นี่… The Standard, Maldives (เดอะ สแตนดาร์ด มัลดีฟส์)

การเดินทางไปรีสอร์ท

เริ่มต้นด้วย ขึ้นเครื่องบินจากไทยไปมัลดีฟส์ บินตรงประมาณ 4 ชม. และ จากสนามบินมาที่รีสอร์ทได้โดยนั่ง seaplane ประมาณ 45-50 นาที (ค่า seaplane ไปกลับ สนามบิน-รีสอร์ท คนละ USD525) การจอง seaplane ต้องจองกับทางรีสอร์ท และทางรีสอร์ทจะประสานงานจองกับบริษัท Trans Maldivian Airways ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ seaplane หลักของประเทศมัลดีฟส์ค่ะ

พอเราลงเครื่อง ผ่าน ตม. ที่สนามบินมัลดีฟส์เรียบร้อย เจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทก็จะพาไปเช็คอินที่เค้าท์เตอร์ของ seaplane สายการบิน Trans Maldivian Airways เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยัง terminal ของ seaplane ซึ่งต้องนั่งรถ transfer ของเค้าต่อไปประมาณ 5-10 นาทีจากตัวอาคารสนามบินค่ะ

บรรยากาศบนเครื่องบิน seaplane จะค่อนข้างแคบและเสียงดังหน่อยนะคะ และเราจะได้เห็นกัปตันแบบใกล้ชิดมากๆ แบบไม่มีประตูกั้นเลยล่ะ

วิวนี้ที่เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของการมามัลดีฟส์ เราจะเห็นวิวเกาะเล็กเกาะน้อยสวยๆ จากหน้าต่างซีเพลน ตลอดทางไปรีสอร์ท

วิวเกาะส่วนตัวของ The Standard, Maldives ทั้งรีสอร์ท ถ่ายจาก seaplane ที่เรานั่งมาเองจ้า

หลังจากนั่ง seaplane มาประมาณ 45 นาที พอถึงจุดจอด seaplane กลางทะเล เราต้องนั่งเรือ speed boat ของรีสอร์ทต่อไปบนเกาะของรีสอร์ทอีกประมาณ 5 นาทีนะคะ

The Standard, Maldives

ในที่สุดก็เดินทางมาถึงรีสอร์ทแล้วจ้า ที่นี่เป็นรีสอร์ทแบรนด์ The Standard เป็นแบรนด์ดัง 5 ดาวสุดชิคจากอเมริกา ที่ไทยก็มีแล้วที่หัวหินและกรุงเทพฯ สำหรับ The Standard, Maldives (เดอะ สแตนดาร์ด มัลดีฟส์) พิกัดอยู่เกาะที่ชื่อว่า Huruvalhi โซน Raa Atoll เป็นอีกโซนที่ปะการังและสัตว์ทะเลอุดมสมบูรณ์

พอมาถึง ลงจากเรือแล้วก็จะเจอมุมนี้ก่อนเลย ป้ายโรงแรมกลับหัว signature ของแบรนด์ The Standard ทั่วโลก เป็นอีกหนึ่งความเก๋ที่ทำให้แขกที่มาเข้าพักรู้สึกสนุกไปกับบรรยากาศตั้งแต่มาถึง

บริเวณล้อบบี้ใช้โทนสีฟ้า เหลือง น่ารักสบายตา มีทั้งโซนด้านใน และนั่งชิลล์ได้ด้านนอก

Overwater Villa

ปกติห้องถูกสุดของรีสอร์ทอื่นในมัลดีฟส์คือห้องริมหาด แต่สำหรับที่นี่แค่ห้องเริ่มต้นก็เป็นพูลวิลล่ากลางน้ำเลยจ้า พูลวิลล่ากลางน้ำมี 2 ฝั่ง เราพักวิวฝั่ง lagoon view วิวน้ำทะเลฝั่งนี้สีสวยมากและจะหันหน้าเข้าหาด ส่วนอีกฝั่งจะเป็น ocean view คือเห็นทะเลสุดลูกหูลูกตาไปเล้ย แต่ฝั่งนี้ก็จะมีหิน/แนวปะการังอยู่หนาแน่นหน่อย

วิวจากวิลล่าห้องเราสวยถูกใจเลยค่ะ เราได้วิลล่าเบอร์ 76 เช็คอินแล้วจะได้คีย์การ์ดดีไซน์แบบไม้ และแผนที่ของรีสอร์ท ในวิลล่ามี welcome fruits และ welcome card ไว้ให้ รวมถึงชา กาแฟแคปซูล น้ำดื่มขวดใหญ่ทั้งแบบ still และ sparkling

ในวิลล่ากว้างขวางตกแต่งสีสันน่ารัก ความพาสเทลสีเหลือง ชมพู มันน่ารักสะดุดตาไปหมด แต่ละห้องจะมีอุปกรณ์ snorkeling หน้ากาก ชูชีพ ห่วงยางสีสันสุดจี๊ด ส่วนฟินให้ไปยืมที่ sport club ได้ฟรีจ้า (ที่เค้าไม่ได้เตรียมฟินไว้ในวิลล่าให้ เพราะเราต้องไปวัดไซส์เท้าก่อนนะ ว่าเราเหมาะกับฟินไซส์ไหน)

ห้องน้ำกว้างจะเท่าห้องนอนแล้ว มีอ่างใหญ่ทรงกลมและดิสโก้บอลลูกยักษ์ วิบวับ พื้นห้องน้ำมีโซนกระจกเห็นทะเลด้านล่าง

ทุกหลังมีสระส่วนตัว ขนาดย่อมๆ ว่ายไม่ได้ แต่เปิดจากุชชี่แช่ชมวิวได้เพลินๆ

น้ำฝั่งทาง lagoon view ไม่ลึกเท่าไหร่ ตอนเราไปอันนี้เป็นช่วงเช้าน้ำลงอยู่ประมาณเข่าเราเองค่ะ ช่วงบ่ายๆ น้ำขึ้นก็จะประมาณระดับอกค่ะ

สั่ง floating breakfast มาทานที่ห้องเพิ่มเติม USD130

พร้อบต่างๆ พอมาวางด้วยกันมาคิ้วท์ไปหมดเลย

ขนาดสระของที่นี่ไม่ใหญ่ ลงแช่สองคนก็จะประมาณนี้

ถ้าแช่สระไม่สะใจ ก็เดินลงไปแช่ทะเลใสๆ หน้าวิลล่าไปเลยจ้า!

วิวเกาะจิ๋วๆ เล็กๆ ที่เห็นจากวิลล่าเรา อยู่ไม่ไกลจากฝั่งเท่าไหร่ สามารถว่ายน้ำไปได้ หรือพายเรือคายักไปได้นะ

ที่รีสอร์ทมีจักรยานให้ปั่นฟรี ปั่นเล่นในรีสอร์ทชิลล์ๆ วิวสวยสะดุดตา หรือจะเรียกใช้รถ buggy ก็เรียกได้ 24 ชม.

ออกจากวิลล่าไปดูส่วนกลางของรีสอร์ทบนฝั่งกันบ้างเนาะ โดยรอบรีสอร์ท จะมีชายหาดล้อมรอบ เดินได้ทั่วถึง หรือจะปั่นจักรยาน ทะลุกลางเกาะไปแต่ละที่ก็ได้

มี 3 ห้องอาหาร 2 บาร์ 1 คาเฟ่ 1 สปา
– Kula เป็นห้องอาหารหลัก แบบบุฟเฟ่ต์ เช้า กลางวัน เย็น
– Guduguda เป็นห้องอาหารสไตล์อาหารพื้นเมืองมัลดีฟส์
– BBQ Shak เป็นแนวบาร์บีคิว
– Joos Café คาเฟ่ เสิร์ฟกาแฟและอาหารเบาๆ
– Todis Bar บาร์ใกล้กับสระ
– Beru Bar (Adults Only) บาร์กลางน้ำ

สระว่ายน้ำส่วนกลางของรีสอ์ท อยู่ริมชายหาดใกล้กับห้องอาหาร Kula เป็น infinity pool เห็นวิวทะเลแบบสวยมากๆ และใกล้ชิดสุดๆ

มุมนั่งเล่นริมสระก็มีเยอะมาก ไม่แออัด และใช้หมอนได้สีสันน่ารักมากเลย เราชอบนั่งเล่น นอนเล่นมุมนี้ ได้เห็นวิวทะเลด้วย วิววิลล่าด้วย

มุมถ่ายรูปละลานตาจริงๆ มาแล้วเหนื่อย… ถ่ายรูปเหนื่อยเพราะสวยยยยมาก

มุมนั่งเล่นตรง Joos Café ใกล้กับสระว่ายน้ำก็น่าร้าก

อีกมุมสวยๆ คือเปลกลางน้ำตรงนี้เลย ช่วงที่น้ำยังขึ้นไม่สูง สามารถเดินมาตรงเปลได้เลยน๊า ไม่ลึก และในทะเลทรายละเอียดมาก ไม่มีหินให้เจ็บเท้าค่ะ

อีกฝั่งของรีสอร์ทของเครื่องเล่นลอยทะเลแบบนี้ให้เล่นได้ฟรีเลย มุมนี้จะอยู่ใกล้ห้องอาหาร Guduguda และโซนวิลล่าริมหาด

อีกพิกัดที่สวยและห้ามพลาดคือสปา The Standard Spa อยู่กลางน้ำด้านขวา ด้านหลังสปามีสระว่ายน้ำและมุมชิลล์ซ่อนตัวอยู่ เข้าไปถ่ายรูป นอนชิลล์ได้เลย ห้ามพลาดจุดนี้

เปลตาข่ายที่อยู่ตรงสปา ถึงไม่ได้ใช้บริการนวด ก็แวะมาถ่ายรูปเล่นได้เลย

Kula Restaurant

บรรยากาศห้องอาหาร Kula เราทานที่นี่กันทุกมื้อเลยค่ะ มีทั้งแบบสั่งจากเมนู a la carte และเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ ผลัดเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆ ค่อนข้างหลากหลายดีเลย

Breakfast 7:00AM – 10:30AM
Lunch 12:30PM – 3:00PM
Dinner 6:30PM – 10:00PM

บรรยากาศโซนที่นั่งด้านนอกก็จะเห็นวิวทะเลสวยๆ แบบนี้กันเลยจ้า สวยได้ฟีลทั้งตอนเช้าและตอนเย็น

เราเลือกทานเป็นบุฟเฟ่ต์ทั้งมื้อเช้า กลางวัน เย็น รสชาติดี ไลน์บุฟเฟ่ต์จัดเต็ม หมู เนื้อ ไก่ ซีฟู้ด ผลไม้ เบเกอรี่ กาแฟ ครบเครื่องมาก ทั้งอิตาเลียน อินเดีย มัลดีฟส์ ที่เลิฟมากคือมีอาหารไทย จีน ให้พอหายคิดถึงรสชาติอาหารบ้านเรา

ที่รีสอร์ทมีเชฟคนไทย บางวันจะทำอาหารไทยมาแจมในไลน์บุฟเฟ่ต์ด้วย อร่อยแซ่บหลาย

Beru Bar

Beru Bar (Adults Only) เป็นบาร์กลางน้ำ สำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น ถ้าวันไหนฟ้าเป็นใจ ตรงนี้จะเห็นวิวพระอาทิตย์ตกสวยมากๆ (ตอนเราไปเมฆเยอะไปหน่อย) ด้านใน Beru Bar จะมี dance floor กระจกใส และลูกดิสโก้ยักษ์อยู่ด้านบน ช่วงกลางคืนจะเปิดเพลงสนุกสนาน จิบมึนๆ ก็มาแดนซ์กันตรงนี้ต่อได้

บางวันมีคลาสสอน wine tasting ซึ่งดีมาก เราได้ไปลองมา เติมกันไม่อั้น แถมได้ความรู้เรื่องไวน์เยอะมาก

การบริการ

พูดถึงบริการที่นี่กันบ้าง สำหรับนุ่น นุ่นประทับใจบริการของที่นี่นะคะ ดูแลเอาใจใส่ มีโฮสท์ที่คอยติดต่อกันทาง Whatsapp ตลอดการเข้าพัก อยากได้อะไรเพิ่มเติม จองห้องอาหาร หรืออื่นๆ ก็บริการได้สะดวกรวดเร็ว

แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคยไปพักแบรนด์ The Standard ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ที่นี่เป็นรีสอร์ท 5 ดาวก็จริง แต่จะไม่ใช่ไสตล์คลานเข่า เรียกคุณผู้หญิง หรือ คุณท่านอะไรแบบนั้น แต่สำหรับเรา เรารู้สึกได้ว่าเค้าบริการดีจริง เอาใจใส่ เฟรนด์ลี่ สไตล์อเมริกัน ตามต้นฉบับของแบรนด์นี้

ถึงเวลากลับจากรีสอร์ท พนักงานก็คอยยืนโบกมือลาที่ท่าเรือจนกว่าเราจะลับตาไป ยิ่งทำให้ไม่อยากกลับ แง้~

The Standard, Maldives (เดอะ สแตนดาร์ด มัลดีฟส์) เป็นอีกรีสอร์ทหรู 5 ดาวของมัลดีฟส์ ที่ vibes ดี ตรงใจเรามาก ถึงจะเป็นการไปเที่ยวมัลดีฟส์ครั้งที่ 4 ของเราแล้ว แต่ก็ยังประทับใจมากจนอยากกลับไปอีกครั้งเลยค่ะ

Facebook Comments